เขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย เป็นประเด็นที่ภาครัฐให้ความสำคัญและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีการกำหนดแผนงานและเป้าหมายการพัฒนาไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติซึ่งเป็นแผนงานระดับเดียวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทยที่ผ่านมา ช่วงปี2561-2564 ประกอบด้วย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้และ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พบว่าการขยายผลิตภัณฑ์มวลรวมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด ยังคงกระจุกตัวอยู่บางพื้นที่โดยส่วนใหญ่อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ด้วยเหตุนี้ภาครัฐจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สอดล้องกับความต้องการในแต่ละพื้นที่รวมถึงการยกระดับศักยภาพและทักษะแรงงานให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ต่าง ๆ ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงนำไปสู่การมีแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็น (09) เขตเศรษฐกิจพิเศษ (พ.ศ. 2566 – 2580) (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งถือเป็นแผนงานที่มีการต่อยอดและขยายการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ให้เกิดการขยายผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่เกิดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยเป้าหมายการพัฒนาในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้ได้แบ่งพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่1 เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กลุ่มที่2 พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4ภาค และกลุ่มที่3 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน(สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2566)
ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่20 กันยายน 2565 ได้อนุมัติให้กำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ซึ่งมีขอบเขตอยู่ในระดับจังหวัด โดยเป็นการขยายการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจากระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.)
เพื่อปรับปรุงและแก้ไขพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ให้ครอบคลุมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษอื่น ๆที่ไม่รวมอยู่ใน EEC ทั้งนี้เพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความไม่เท่าเทียมทางรายได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้มีการกำหนดเป้าหมายและแผนพัฒนาภายใต้แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติเขตเศรษฐกิจพิเศษ (พ.ศ. 2566 – 2580)(ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งได้จัดกลุ่มพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษออกเป็น 4 ภาค ดังนี้(สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2566)
- ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern EconomicCorridor: NEC) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ลำพูนลำปาง และเชียงราย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกษตร และการผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
- ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor: NSEC) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานีและหนองคาย โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารแปรรูป รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการค้าและการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
- ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (Central-Western Economic Corridor: CWEC) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีราชบุรีเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต การค้า และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
- ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้(Southern EconomicCorridor: SEC) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสงขลานครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานีโดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการประมง การท่องเที่ยว และการพัฒนาท่าเรือและการขนส่งทางทะเล

แหล่งที่มาภาพ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ที่มา: https://www.nesdc.go.th/ewt_news.php?nid=13017&filename=index, วันที่ 28 กันยายน 2567)
การจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาคมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมสนับสนุน และอำนวยความสะดวก รวมถึงการให้สิทธิพิเศษบางประการในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่เหล่านี้โดยมุ่งสร้างโอกาสในการประกอบอุตสาหกรรม การพาณิชย์การบริการ หรือกิจการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจและการค้าในพื้นที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยกระดับรายได้ของประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างประชาชนในเมืองหลวงกับภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคเป็นการกระจายความเจริญสู่พื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศและลดความหนาแน่นของประชากรในเมืองหลวงอีกด้วย (สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2566)
โดยสรุป แต่ละระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค ได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นความเชี่ยวชาญและศักยภาพของพื้นที่นั้น ๆไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เกษตรกรรม การท่องเที่ยว หรือการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน โดยเป้าหมายหลักคือการยกระดับเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคและลดความเหลื่อมล้ำของการพัฒนา ทั้งนี้ยังรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในภาคเกษตร การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและการแปรรูป ส่งเสริมการเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา นวัตกรรม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทาง ดังนี้
- การพัฒนาภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การใช้เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ(Smart Farming) ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เซ็นเซอร์และการวิเคราะห์ข้อมูล มาใช้ในกระบวนการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์เกษตรให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาเส้นทางคมนาคมและโลจิสติกส์ขยายและปรับปรุงโครงข่ายถนน ทางรถไฟ และเส้นทางการบิน เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาเวียดนาม) ให้มีความสะดวกมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการส่งออกและการค้าในภูมิภาคอาเซียน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและน้ำสนับสนุนการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม รวมถึงการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การพัฒนาทักษะและนวัตกรรม ยกระดับการศึกษาและฝึกอบรมส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมในพื้นที่โดยเฉพาะทักษะทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอัจฉริยะและการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
- การสนับสนุนธุรกิจและการลงทุน สร้างสิ่งจูงใจในการลงทุนส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการลดภาษีและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ สนับสนุนธุรกิจ SMEs และ Startups ส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมและการแปรรูปอาหาร รวมถึงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ในภูมิภาค โดยการสนับสนุนด้านเงินทุนเทคโนโลยีและตลาด
- การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการพัฒนาที่รักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตรและอุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน